1. โฟกัสที่ลูกค้า เข้าใจตลาด
คนที่คิดจะเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ เกือบร้อยทั้งร้อย รู้อยู่แล้วว่าตัวเองอยากจะขายอะไรดังนั้น โฟกัสที่ควรให้ความสนใจมากๆ จึงเป็น “ลูกค้า” ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ให้ใช้เวลาศึกษาลักษณะของเขาว่าอายุเท่าไหร่ เพศอะไร อาชีพอะไร มีความสนใจแบบไหน มีรายได้เฉลี่ยเท่าไหร่ ความถี่ในการซื้อสินค้า หรือข้อมูลต่างๆ ที่คิดว่ามีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคสินค้าของพวกเขาจากนั้นต่อมาก็มาดูที่ “ตลาด” ว่าในตลาดที่คุณกำลังสนใจอยู่นี้ มีคู่แข่งอยู่มากน้อยแค่ไหน พวกเขาทำอะไร ขายยังไง ตั้งราคาที่เท่าไหร่ เพราะอะไร ตลาดนี้น่าลงไปเล่นด้วยไหม ฯลฯ ลิสต์รายชื่อ(ว่าที่)คู่แข่งของคุณออกมา และศึกษาไปทีละเจ้า วิธีการสืบที่ง่ายที่สุดก็คือ เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของคู่แข่งนั่นเอง

2. มีแผนธุรกิจ
คุณรู้แล้วว่าจะขายอะไร ลูกค้าเป็นใคร ตลาดหรือคู่แข่งเป็นอย่างไรแล้ว ให้นำข้อมูลทั้งหมดที่มีมาสร้างเป็นแผนการที่จะใช้ทำธุรกิจอย่างเป็นรูปเป็นร่าง เพราะการวางแผนธุรกิจเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของความสำเร็จแผนธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องหนาเป็นปึ๊ง 20 หน้ากระดาษ แต่ควรมีส่วนประกอบสำคัญอย่าง ขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน กรอบเวลาการทำงาน และตัวชี้วัดถึงความก้าวหน้าในการทำงาน เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางการเดินหน้าของธุรกิจว่าอยู่ตรงไหนของแผนทั้งหมด หรือมีจุดไหนที่ต้องแก้ไขหรือช่องทางน่าสนใจทางอื่นให้ไปหรือไม่

3. รู้ระดับเงินทุนที่มี
เงินทุนหรือเงินลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งตั้งเป้าธุรกิจไว้ใหญ่มากเท่าไหร่ ยิ่งต้องรู้รายละเอียดของเม็ดเงินทุนที่มีและการใช้เงินทุนมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจจะเงินทุนหมดก่อนที่จะเริ่มขายของรับเงินจากลูกค้า

4. เห็นคุณค่าของสินค้าและบริการที่ขาย
ไม่ว่าคุณขายขนมห่อละ 20 บาท หรืออาหารพรีเมี่ยมกล่องละหลายพันบาท ถ้าตัดสินใจเลือกที่จะขาย คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคุณค่าและความจำเป็นของสินค้านั้น เพื่อโฆษณาถ่ายทอดให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเห็นภาพเดียวกับคุณให้ได้มากที่สุด หรือพูดแบบภาษาชาวบ้านว่า “อินเนอร์มันต้องได้” ไม่ว่าสิ่งที่ขายจะเป็นสินค้า/บริการที่จำเป็นหรือไม่ก็ตาม

5. เลือกชื่อที่ใช้เป็นชื่อเว็บไซต์ได้
เมื่อตัวธุรกิจมีรูปร่างชัดเจน ก็พร้อมเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ได้ ขั้นตอนนี้ควรมาพร้อมกับชื่อแบรนด์หรือบริษัท เลือกชื่อแบรนด์ที่สามารถตั้งเป็นชื่อเว็บไซต์ได้หรือหากธุรกิจมีมานานก่อนหน้านี้แล้ว ก็ให้ใช้ชื่อนั้นแต่อาจเพิ่มคำที่บ่งบอกถึงสินค้าหรือบริการที่ขาย